
เกี่ยวกับ Work and Travel Program
Episode 04 : ทำงานไหนดี?
ทำงานอะไรที่ไหนดี!?!?!
การเลือกงานควรจะต้องพิจราณาข้อมูลต่างๆเหล่านี้
- ลักษณะงานเป็นแบบใหน
- อยู่ส่วนใหนของอเมริกา
- ที่พักเป็นยังไง
- หาSecond Job ได้หรือเปล่า
- จากนั้นก็ดูว่าทำแล้วคุ้มไหม
- อากาศเป็นอย่างไร
ไปหาคำตอบกันดีกว่าครับ
1.ลักษณะงานเป็นแบบใหน
งานแต่ละงานของโครงการ Work and Travel จะเป็นงานที่หนักเอาการเลยนะครับเพราะฉนั่นก็ควรที่จะเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ซึ่งลักษณะงานผมขอแบ่งเป็นประเภทต่างๆดังนี้ครับ
- ทำความสะอาด : Housekeeping, Ground Cleaner
- ทำครัว : Dishwasher, Kitchen Help
- บริการ : Waiter,Game Entertainer, Cashier, Food Service, Maintenace, Sele, Ride operator,
- อื่นๆ : Life guard, farmer
มาดูว่ากันครับว่างานแต่ละงานเขาทำกันประมาณใหน?
Housekeeping : งานแม่บ้านในโรงแรมหรือรีสอร์ท แผนกแม่บ้านรับผิดชอบความสะอาดเรียบร้อยของที่พัก มีหน้าที่ทำความสะอาดห้องพักและเฟอร์นิเจอร์ที่มีไว้ให้บริการในห้องพัก ของแขก ซึ่งได้แก่ ห้องนอน ห้องนั่งเล่นหรือห้องชุด ห้องน้ำ, ดูดฝุ่น, ทิ้งขยะ ตลอดจนถึงทำความสะอาดทางเดินหน้าห้องพักแขกด้วย พนักงานแผนกนี้จะต้องทำความสะอาดห้องพักแขก 8-10 ห้องต่อวัน หรือ โรงแรมบางแห่งอาจต้องทำไม่ต่ำกว่า 15-20 ห้องต่อวันในช่วงแขกเต็ม
Kitchen Help : ผู้ช่วยงานในครัว
งานในตำแหน่งนี้ไม่ได้หมายถึงเป็นผู้ช่วยพ่อครัวหรือแม่ครัวประกอบอาหาร หน้าที่หลักคือ ทำความสะอาดในครัว ถูพื้น ทิ้งขยะ ล้างเครื่องมือประกอบการทำอาหาร บางแห่งอาจต้องทำหน้าที่เป็นผู้ล้างจานด้วยอาจได้รับหน้าที่ให้เป็นผู้ช่วยพ่อครัวในการเตรียมวัตถุดิบในการประกอบอาหารง่ายๆ เช่นจัดโต๊ะสลัดบาร์ แต่ส่วนใหญ่นักศึกษาไทยจะได้รับทำหน้าที่นี้น้อยมากเพราะทักษะในการหั่นผักหรือปอกเปลือกพืชผักสวนครัวของเราจะต่างจากชาติตะวันตก แต่ถ้าเป็นนักศึกษาที่เรียนด้านการโรงแรมโดยเฉพาะเรียนด้านทำอาหารอาจทำได้ หากมีประสบการณ์เคยฝึกงานมาก่อน
Maintenance : งานซ่อมแซมทั่วไป
งานในตำแหน่งนี้ ส่วนใหญ่จะรับนักศึกษาชายเพราะเป็นงานที่ต้องใช้แรง ตำแหน่งนี้จะมีในสวนสนุก, สวนน้ำ, บริษัททำความสะอาดสระน้ำ, โรงแรมหรือ รีสอร์ท หน้าที่โดยทั่วไปก็จะเป็นงานซ่อมแซมทั่วไป เปลี่ยนหลอดไฟ ย้ายของ ขนของ ทำความสะอาดกลางแจ้ง เป็นผู้ช่วยแผนกช่างหรือแม่บ้านในโรงแรมหรือ รีสอร์ท หรือซ่อมสระน้ำ เป็นต้น
Sales Help : งานขายของหน้าร้าน, งานฟาสต์ฟู้ต, งานแคชเชียร์
งานในตำแหน่งนี้จะรวมถึงงานของพนักงานในร้านฟาสต์ฟู้ต, ร้านสะดวกซื้อ, พนักงานขายในสโตร์ หรือพนักงานขายของที่ระลึก หน้าที่โดยส่วนใหญ่จะต้องพบปะลูกค้า ดังนั้นต้องมีสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี
Amusement Park Work : งานสวนสนุก
งานในตำแหน่งนี้เป็นงานในสวนสนุก ซึ่งจะแบ่งออกเป็นหลากหลายแผนก มี่ตั้งแต่พนักงานขายตั๋ว, พนักงานขายอาหาร, พนักงานเสริฟ์อาหาร, พนักงานคุมเครื่องเล่นเกม, พนักงานภาคพื้นสนามทั่วไปส่วนใหญ่ตำแหน่งงานจะได้รับทราบเมื่อเดินทางไปถึงสถานที่ทำงานแล้ว งานในสวนสนุกส่วนใหญ่จะเป็นงานกลางแจ้งผู้ที่เลือกทำงานในสวนสนุกต้องไม่มีปัญหากับการทำงานกลางแดดและอากาศร้อน
SPECIAL JOBS: ตำแหน่งงานอื่นๆ เช่น
- Front/Clerk พนักงานต้อนรับ/เสมียนในโรงแรมหรือรีสอร์ท ต้องเป็นผู้ที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีมาก มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการโรงแรมในตำแหน่งนี้มาก่อนจึงจะได้รับการพิจารณา
- Life Guard คนดูแลสระน้ำในโรงแรม, รีสอร์ท, สวนสนุก หน้าที่นี้ต้องผ่านการอบรม หลังจากนั้นต้องสอบผ่านข้อเขียน, สอบว่ายน้ำตั้งแต่ 50 เมตรขึ้นไปเพื่อให้ได้รับใบอนุญาต (Life Guard Certificate) ก่อนที่จะเริ่มงาน ผู้เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องรับผิดชอบค่า Train และค่าสอบ Certificate เอง เมื่อสอบผ่านได้รับใบอนุญาตแล้วจึงจะสามารถเข้าทำงานในตำแหน่งนี้ได้
- Photographer พนักงานถ่ายรูป ส่วนใหญ่จะเป็นงานของบริษัทที่ได้รับสัมปทานในสวนสนุกมีชื่อเสียงต่างๆ ผู้ที่จะได้รับการพิจารณาให้ทำงานในตำแหน่งนี้ต้อง เป็นผู้ที่มีทักษะด้านการขาย สื่อสารภาษาอังกฤษดีถึงดีมาก สามารถทำงานกลางแจ้งทนอากาศร้อนได้
- Groundkeeper พนักงานดูแลความสะอาดบริเวณสวนหย่อมในบริเวณรีสอร์ทหรือในสวนสนุก สามารถทำงานหนัก ทำงานกลางแจ้งและทนอากาศร้อนได้
2.อยู่ส่วนใหนของอเมริกา, ที่พักเป็นยังไง, หาSecond Job ได้หรือเปล่า,ทำแล้วคุ้มไหม ?
อเมริกามีทั้งหมด 50 รัฐ สถานที่ทำงานก็จะมีแล้วแต่เมืองในรัฐนั้นๆ ถ้าแบ่งตามลักษณะของสถานที่ก็แบ่งได้ 3 ส่วนใหญ่ๆคือ
- กลางเมืองใหญ่
- เมืองเล็ก(ชนบท)
- อุทยานแห่งชาติ
ไปดูรายละเอียดกัน
2.1. กลางเมืองใหญ่หรือเมืองที่มีชื่อเสียง เช่น นิวยอร์, บอสตัน ดีซีและชิคาโก ฮาวาย ชิคาโก ซานฟรานซิโก วอชิงตันดีซี เป็นต้น (แต่บางทีชื่อฟังดูเหมือนเป็นเมืองใหญ่ แต่อาจะอยู่นอกเขตเทศบาลก็ได้นะ อย่าลืมตรวจสอบดูดีดีว่าที่ทำงานเราอยู่ตรงใหนของเมือง)
สถานที่ทำงาน : Restaurant, Fast food, Hotel, Souvenir shop
ตำแหน่งงาน: Waiter, Dishwasher, Food Service, Housekeeping(Hotel), Cashier
ข้อดี
- อยู่ในเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดัง ก็ทำให้เราได้เที่ยวไปด้วย กำไรสองต่อ
- Shopping สดวก
- หา Second Job ง่าย
ข้อเสีย
- พี่พักราคาแพง ประมาณ 70-100 USD/Week
- เกิดความแออัดในสถานที่พักเนื่องจากจะต้องแชร์ค่าเช่า....อย่าลืมตรวจสอบด้วยนะครับว่าเขาจะให้อยู่บ้านละกี่คน....คนเยอะปัญหาเยอะนะพี่น้องงงงง
- บางที่หา Second Job อาจจะยากเนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว(High Season) เป็นช่วงๆไม่ตลอดปี แม้แต่งานหลักที่เราทำอาจโดนตัวชั่วโมงก็ได้....เพราะฉนั้นตรวจสอบดีดีดีดี
- *****ที่นิวยอร์กช่วงเดือนมีนาคมสภาพอากาศยังหนาวอยู่และทะเลยังมีน้ำแข็งลอยเป็นบางส่วนทำให้บริษัทธุรกิจท่องเที่ยวปิดช่วงคราว ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาน้อย*******
- ความวุ่นวายในเมืองใหญ่ ด้วยความที่สังคมอเมริกาเป็นคนเร่งรีบ ทำให้ผู้คนดูเหมือนไม่เป็นมิตรกับเรามากนัก
สถานที่ทำงาน : Amusement park, Water park, Restaurant, Fast food, Hotel, Souvenir shop, Casino
ตำแหน่งงาน: Ride operator, Ground Cleaner,Game Entertainer, Life guard, Food Service, Waiter, Dishwasher, Housekeeping(Hotel), Cashier
ข้อดี
- เมืองลักษณะเรียบง่ายและสงบ
- มีโอกาสหางาน Second Job ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กแต่ก็มีงานธุรกิจอื่นที่ต้องการจ้างงานเช่นเดียวกับเมืองใหญ่
- ยังมีแหล่งให้ซื้อของอยู่บ้าง เช่น ห้าง Wal mart หรือ Outlet แต่ไม่มากเหมือนเมืองใหญ่
- ที่พักอาจไกลจากที่ทำงานมากหรือการเดินทางไปเที่ยวแหล่งใกล้ๆอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร
- บางที่หา Second Job อาจจะยากเนื่องจากฤดูกาลท่องเที่ยว(High Season) เป็นช่วงๆไม่ตลอดปี แม้แต่งานหลักที่เราทำอาจโดนตัวชั่วโมงก็ได้อาจจะโดนหักมากกว่าเมืองใหญ่อีกเนื่องจากลูกค้าน้อย....เพราะฉนั้นตรวจสอบดีดีดีดีด
- ที่พักแออัด ถึงแม้ว่าจะอยู่ในเมืองชนบทก็มีโอกาสที่จะอยู่กันอย่างแออัดได้
สถานที่ทำงาน : Hotel
ตำแหน่งงาน : Housekeeping, Waiter, Host, Dish Washer, Kitchen crew,Food service, Cashier
ข้อดี
- ที่พักมีราคาถูกมาก อยู่ที่สัปดาห์ละ 15-20 USD/Week และมีค่าอาหารซึ่งอยู่ที่สัปดาห์ละ 70-80 USD/Week ซึ่งอาหารจะเป็นแบบบุพเฟ่ต์เติมได้ไม่อั้น โดยนายจ้างจะเป็นคนหักจากเงินเดือนของเรา และที่พักค่อนข้างจะอยู่ใกล้ที่ทำงานใช้เวลาเดินเท้าอย่างน้อย 10 นาที
- ที่พักไม่มีความแออัดเกินไป
- ถึงแม้ว่าจะไม่มี Second Job แต่ก็สามารถทดแทนด้วยจำนวนชั่วโมงงานได้หรืออาจจะได้ไปช่วยทำตำแหน่งอื่น
- ได้เที่ยวสถานที่แปลกใหม่ ได้ท่องเที่ยวสัมผัสธรรมชาติของอุทยานในอเมริกา
- อาจหารที่นายจ้างจัดให้อาจไม่ถูกปาก จำเจ กินจนเบื่อ
- บางช่วงของอุทยานอาจจะยังไม่ถึงฤดูท่องเที่ยวอาจจะทำให้มีจำนวนชั่วโมงงานน้อยลงมา
- การเดินทางออกไปเที่ยวในเมืองลำบากกว่ามาก ที่นี้จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบซื้อของหรือชอบแสงสีในเมือง ….....แนะนำให้ตีซี้กับเพื่อนฝรั่งที่มีรถส่วนตัว 555
3.อากาศเป็นอย่างไร.....ควรตรวจสอบให้ดีครับ จะได้เตรียมเครื่องแต่งกายได้ถูกครับ
ประเทศสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ประกอบด้วยฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ ลักษณะอุณหภูมิโดยทั่วไปแบ่งออกเป็น
ฤดูร้อน : มิถุนายน – สิงหาคม
ฤดูใบไม้ร่วง : กันยายน – พฤศจิกายน
ฤดูหนาว : ธันวาคม – กุมภาพันธ์
ฤดูใบไม้ผลิ : มีนาคม – พฤษภาคม
จบแล้วครับ
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้คงจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณครับ